เส้นทาง Nakasendo ขึ้นชื่อในเรื่องของเส้นทางที่ทอดยาวและคดเคี้ยว มีวิวภูเขาที่สวยงาม ที่พักแรมที่มีสเน่ห์แบบโบราณ การผ่อนคลายไปกับการแช่น้ำพุร้อน

สิ่งเหล่านี้ล้วนสัมผัสได้บนเส้นทาง Nakasendo และอาหารก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดในการมาเยือนที่นี่ ด้วยวัตถุดิบสดใหม่ในภูมิภาคที่นำมาสร้างสรรค์เป็นอาหารท้องถิ่นตามฤดูกาล ซึ่งให้ความแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่น อาหารที่มีการรับประทานกันในเส้นทาง Nakasendo จนถึงทุกวันนี้ล้วนเป็นผลผลิตที่ได้จากประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ทั้งสิ้น เส้นทาง Nakasendo เริ่มต้นจาก Kyoto สู่ Tokyo บทความนี้จะขอพูดถึงหุบเขา Kiso ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง Nakasendo ซึ่งมีอาหารยอดนิยมที่น่าสนใจ

1. โซบะ (เส้นโซบะทำจากแป้งบัควีต)

โซบะเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของจังหวัด Nagano มีการรับประทานหลายแบบหลายสไตล์ขึ้นอยู่กับท้องถิ่นนั้นๆ โดยเฉพาะในหุบเขา Kiso โซบะเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างมาก โซบะรับประทานได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็นขึ้นอยู่กับเครื่องเคียงและฤดูกาล ฯลฯ แนะนำให้ลองชิมทั้งสองแบบเพื่อสัมผัส ความแตกต่างของรสชาติและรสสัมผัส ดูว่าคุณชอบทานแบบไหนมากกว่ากัน

เมื่อรับประทานแบบเย็น ให้จุ่มโซบะลงในน้ำซอส และอย่าลืมดูดเส้นให้มีเสียงดัง ความแตกต่างที่ชัดเจนอย่างหนึ่งที่พบได้ในหุบเขา Kiso ก็คือการใช้ซอสโซบะที่มีถั่ววอลนัทแทนซอสโซบะทั่วไป โซบะเย็นมักเสริฟพร้อมกับเทมปุระพืชผักป่า ท้องถิ่นสดใหม่หรือเห็ด ขึ้นอยู่กับฤดูกาลนั้นๆ

โซบะร้อนจะถูกเสริฟในซุปที่แต่งหน้าด้วยพืชผักป่าที่กินได้ เห็ด เกล็ดเทมปุระ มันขูดหรือไข่ไก่ ลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งในหุบเขา Kiso คือน้ำซุปอร่อยที่อุดมไปด้วยรสชาติของถั่วเหลืองและน้ำซุปดาชิ โซบะร้อนจะอร่อยเป็นพิเศษเมื่ออากาศข้างนอกหนาวเย็นหรือหลังการเดินป่าที่ยาวนาน หากคุณชอบความเผ็ดร้อน ต้องไม่ลืมใส่พริกป่นชิจิมิ (พริกผสมเครื่องเทศ 7 ชนิด) ลงไปด้วย

บัควีตเป็นพืชที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ก่อนรับประทานโซบะคุณต้องแน่ใจว่าไม่ได้แพ้บัควีต

รับประทานโซบะได้ที่ไหน

มีร้านโซบะหลายแห่งทั่วหุบเขา Kiso ร้านที่อยากแนะนำได้แก่ Rakurakutei ใน Narai, Kurumaya Honten ใน Kiso Fukushima, Keiseian ใน Magome และ Omote ใน Tsumago

2. Goheimochi

Goheimochi คือข้าวเหนียวเสียบไม้ย่างเคลือบซอสมิโซะรสหวานหรือซอสถั่ววอลนัทแล้วย่างจนหอม กรอบนอกนุ่มใน ความร้อน เหนียว เคี้ยวหนึบหนับ รสเค็ม รสหวาน ความเหนอะหนะของซอสจะช่วยให้คุณมีพลังและอยากรับประทานเพิ่มอีก

จุดเริ่มต้นของ Goheimochi ไม่ชัดเจนว่าเริ่มต้นมาอย่างไร นักประวัติศาสตร์ได้ให้ความเห็นว่าอาจเริ่มต้นมาจากการเซ่นไหว้เทพเจ้าของนิกายชินโต หรือเป็นอาหารที่คนงานทำป่าไม้พกไว้รับประทาน อย่างไรก็ตาม Goheimochi เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวบนเส้นทาง Nakasendo ที่ต้องการทานอะไรเบาๆ หรืออาหารว่างแบบเร่งด่วนก่อนออกเดินทางต่อ

หา Goheimochi รับประทานได้ที่ไหน

ร้านค้าแผงลอยทุกแห่งในเมืองที่พักแรมในอดีตบนเส้นทาง Nakasendo จะมี Goheimochi และขนมดังโงะ (แป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อน) ขาย มองหาร้านค้าแผงลอยริมทางแบบนี้ หรือไปตามกลิ่นหอมหวลชวนรับประทาน ร้านอาหารบางแห่งบนเส้นทาง Nakasendo ก็มี Goheimochi จำหน่ายเช่นกัน ราคาทั่วไปจะอยู่ที่ ประมาณ 300 เยน ต่อไม้

3. Persimmon Kurikinton (ลูกพลับแห้งสอดไส้เกาลัดกวน)

เกาลัดกวนรสหวานนี้เรียก Kurikinton หารับประทานได้ทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น Kurikinton บนเส้นทาง Nakasendo มีรสชาติอร่อยและมีความเฉพาะตัวที่พบได้ที่ หุบเขา Kiso เท่านั้น Kurikinton ของที่นี่จะถูกสอดไส้ในลูกพลับแห้ง สำหรับเป็นของหวานหรือของว่าง และเป็นอาหารที่ควรต้องลองชิม

ทั้ง Kurikinton และลูกพลับแห้งต่างก็มีความอร่อยที่ลงตัว เพราะเติบโตในสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม ใช้เกาลัดพรีเมี่ยมที่ปลูกเองและลูกพลับแห้งขึ้นชื่อจากเมือง Ichida เนื่องจากเกาลัดและลูกพลับแห้งเป็นอาหารตามฤดูกาล จะมีจำหน่ายเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ระหว่างเดือน ตุลาคม - พฤศจิกายนเท่านั้น

Persimmon Kurikinton จะเก็บไว้ได้แค่ประมาณ 1 สัปดาห์เท่านั้น ควรรับประทานให้หมดระหว่างเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น

หารับประทานได้ที่ไหน

ร้านขาย Persimmon Kurikinton ที่ขึ้นชื่อได้แก่ร้าน Sawadaya ใน Tsumago เมื่อเดินทางสู่เมืองที่พักแรมในอดีตจาก Magome ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงทางแยก จุดสังเกตุคือตู้โชว์ขนมญี่ปุ่นและกาน้ำชาและม้านั่งสำหรับนั่งรับประทานด้านนอก

4. ปลา Ayu และปลาอิวานะ (Salvelinus)

เนื่องจากหุบเขา Kiso อยู่ไกลจากทะเลทำให้ที่นี่ไม่มีอาหารทะเลเช่น ซูชิและซาชิมิ ผู้คนที่นี่จึงจับและเพาะพันธ์ปลาในแม่น้ำ ทั้งปลาอิวานะ ปลา Ayu และปลา Masu (ประเภทเดียวกันกับปลาเทราต์) ปลาย่างบนเตาถ่านปรุงรสด้วยเกลือและเสริฟพร้อมขิงดอง เหมาะกับการเป็นเครื่องเคียงของอาหารเป็นชุด หรือเป็นของว่างระหว่างการเดินป่า

5. เหล้าสาเก

องค์ประกอบที่สำคัญของวัฒนธรรมการทำอาหารในหุบเขา Kiso ก็คือเหล้าสาเกที่อร่อย Kiso มีโรงงานผลิตเหล้าสาเก 4 แห่ง ที่พักแรมและร้านอาหารส่วนใหญ่จะมีเหล้าสาเกให้บริการ คุณสามารถลิ้มลองเหล้าสาเกได้โดยตรงจากโรงเหล้าที่ Nanawarai และ Nakanorisan ใน Kisofukushima การชิมเหล้าสาเกหลากหลายชนิดจากยี่ห้อเดียวกันเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมที่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเหล้าสาเกและหาของฝากกลับบ้าน

เหล้าสาเกจะไม่เหมือนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ ตรงที่สามารถดื่มได้หลากหลายอุณหภูมิ ลองชิมเหล้าสาเกในรูปแบบต่างๆ ตามแต่ละชนิดและฤดูกาล หากต้องการอบอุ่นร่างกายหลังเผชิญกับความหนาวมาทั้งวัน ลองชิมเหล้าสาเก Atsukan ที่มีอุณหภูมิประมาณ 50℃ ซักแก้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในเหล้าสาเกที่มีราคาแพงและมีกลิ่นหอม แทนการดื่มแบบแช่ให้เย็นเล็กน้อย

6. Bonus: แวะคาเฟ่สุดคูลบนเส้นทาง Nakasendo

แม้จะไม่มีเมนูอาหารแบบดั้งเดิมของ Nakasendo แต่ก็มีคาเฟ่คูลๆ ในหุบเขา Kiso หลายแห่งที่ควรค่าแก่การแวะชิม มีเรียวกังหลายแห่งที่ไม่เสิร์ฟกาแฟในตอนเช้า หากคุณต้องการคาเฟอีน ต้องไม่พลาดแวะเติมคาเฟอีนที่คาเฟ่คูลๆ บนเส้นทาง เจ้าของคาเฟ่เหล่านี้ ต่างก็ทำงานเพื่อสืบทอดเมืองให้คงอยู่และอนุรักษ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนานของพวกเขา ด้วยการอยู่อาศัยและเริ่มทำธุรกิจในหุบเขา Kiso ความน่าสนใจอยู่ที่การผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของ Nakasendo เข้ากับการตกแต่งแบบสมัยใหม่อย่างลงตัว

คาเฟ่ชื่อดังรอบๆ หุบเขา Kiso ได้แก่ Hillbilly Coffee Company ให้บริการเสิร์ฟเครื่องดื่ม Espresso คุณภาพดีใน Magome เมืองที่พักแรมในอดีต; Kojitsu Coffee คาเฟ่ ที่ดำเนินกิจการในอาคารเก่าแก่สไตล์ Machiya ใน Tsumago; และ Matsuya Sabo (รูป) คาเฟ่บรรยากาศอบอุ่นสบายๆ ใน Narai ที่เจ้าของร้านมักสนุกสนานกับการพูดคุยกับนักท่องเที่ยวด้วยภาษาอังกฤษ